วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2560

ผู้กำกับ

                                      ผู้กำกับภาพยนตร์ (Movie Director/Film Director)

นิยามอาชีพ
         
         ทำหน้าที่เป็นผู้ถ่ายทอดจินตนาการของผู้เขียน บทภาพยนตร์ และผู้กำกับภาพยนตร์ ให้เกิดเป็นภาพเคลื่อนไหว ที่สามารถเล่าเรื่องราวให้ผู้ชมได้รับรู้และเกิดอารมณ์ ความรู้สึกตรงตามจินตนาการของผู้เขียนบทและผู้กำกับภาพยนตร์

ลักษณะของงานที่ทำ
        
          ผู้กำกับภาพยนตร์จะต้องศึกษาทำความเข้าใจกับบทบาทของแต่ละตัวแสดงอย่างละเอียด สามารถกำหนดและเลือกองค์ประกอบทุกอย่างในการทำงานกับทีมเบื้องหลังได้ มีหน้าที่ควบคุมงานเกือบทุกอย่างในกองถ่ายที่เกี่ยวข้องกับภาพและเสียง การดำเนินเรื่อง มุมกลอง บทสนทนา สเปเซียลเอฟเฟกต์ กำกับนักแสดงให้เล่นได้ตามบทบาท อย่างเช่น ฝ่ายกำกับภาพ ซาวน์เอ็นจิเนียร์ ฝ่ายจัดแสง ฝ่ายจัดหาโลเคชั่น ฝ่ายคอสตูม ฝ่ายสเปเซียลเอฟเฟกต์  เป็นต้น และวิธีการกำกับของผู้กำกับแต่ละคนอาจไม่เหมือนกันเลย เนื่องจากศิลปะการกำกับหนังไม่มีทฤษฎีที่ตายตัว ซึ่งหน้าที่ของผู้กำกับ มีดังนี้
1.                    ทำความเข้าใจ ตีความบทละคร
2.                    เลือกผู้ออกแบบ และผู้ร่วมงานฝ่ายแต่ง ๆ
3.                    ให้คำแนะนำและรับฟังความเห็นของการคัดเลือกนักแสดงทุกฝ่าย เพื่อตกลงกันถึงรูปแบบการทำงาน
4.                    เตรียมการในทุกขั้นตอน เซ็กความถูกต้องเรียบร้อยทุกกระบวนการ
5.                    ฝึกซ้อมการแสดงก่อนถ่ายทำจริงในระหว่างการถ่ายทำ และรับผิดชอบส่วนรวม

สภาพการจ้างงาน
          
          รายได้มาจากเงินทุนของผู้สร้างภาพยนตร์ คิดกันเป็นเรื่อง ๆ  เรื่องหนึ่งใช้งบไม่ต่ำกว่า 500,000 บาทไปจนถึงหลักล้านขึ้นไป

สภาพการทำงาน
         
          มีทั้งถ่ายทำในโรงถ่าย สตูดิโอนอกสถานที่ทั้งในกรุงเทพมหานคร ต่างจังหวัด และต่างประเทศ ซึ่งจะต้องให้เข้ากันกับการดำเนินเรื่อง ถึงจะมีปัญหา อุปสรรคในการถ่ายทำ เช่น สภาพอากาศ อาจจะต้องยกกองรอ หรือแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้

โอกาสในการมีงานทำ
       
ผู้ที่เลือกเข้าศึกษาสาขาภาพยนตร์สามรถทำงานในสายงานภาพยนตร์ได้ตามทักษะ ความรู้ ความชำนาญ แลพประสบการณ์ ดังนี้
-                    เป็นนักสร้างสรรค์งานโฆษณา ผู้เขียนบทงานโฆษณา
-                    เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ งานโฆษนา สารคดีต่าง  ๆ
-                    เป็นผู้กำกับศิลป์ ถ่ายภาพ ตัดต่อ ใช้เทคนิคพิเศษต่าง  ๆ
-                    เป็นผู้คุมแสง สี เสียง
-                    เป็นผู้อำนวยการผลิตภาพยนตร์
-                    เป็นนักเขียน นักวิจารณ์ภาพยนตร์ เป็นต้น

คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ

1.               สำเร็จการศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ และสาขาที่เกี่ยวข้อง
2.               มีจินตนาการ มีความคิดสร้างสรรค์
3.               สามารถเข้าใจ ตีความภาพรวมทุกอย่าง อาทิ องค์ประกอบทุกอย่างในบทภาพยนตร์
4.               มีความสามารถจูงใจให้ทีมงานทุกฝ่ายมีความผูกพัน ทำงานเป็นหนึ่งใจเดียวกัน สร้างบรรยากาศที่ดีและให้มีส่วน
5.               มีความพร้อม มีไหวพริบในการแก้ไขปัญหา แก้ไขสถารณ์ต่าง  ๆ ด้วยความฉับไว ตัดสินใจอย่างละเอียดรอบคอบ
6.               มีความกระตือรือร้น มีทักษะในการปฎิบัติงาน การพูด บุคลิก ให้เป็นที่น่าเชื่อถือแก่ทีมงาน
7.               มีความรู้ในการใช้อุปกรณ์เกี่ยวกับการผลิตภาพยนตร์

สถานฝึกอบรมอาชีพ / สถาบันการศึกษา
         
           คณะนิเทศศาสตร์ สถาบันอุดมศึกษาทุกแห่งทั่วประเทศ

โอกาสความก้าวหน้าในอาชีพ
           
          สามรถเลือกทำงานได้หลากหลายในวิชาชีพด้านภาพยนตร์ เช่น ผู้อำนวยการผลิต ผู้กำกับ นักขัยนบท ช่างภาพ ผู้กำกับด้านศิลป์ นักสร้างสรรค์งานโฆษณา ผู้กำกับภาพยนตร์ ผู้กำกับด้านศิลป์งานโฆษณา ผู้ออกแบบฉาก

อาชีพที่เกี่ยวเนื่อง
           
ผู้จัดงานอีเวนต์ (Event) นักโฆษณา ธุรกิจผู้ผลิตสินค้าและบริการต่าง  ๆ

แหล่งข้อมูลอื่น ๆ

         
เว็บไซน์คณะนิเทศศาสตร์ และสาขาที่เกี่ยวข้อง

                                                                                           Michael Bay


ธุรกิจ

ธุรกิจ  มันหมายความว่าไง
ธุรกิจ  นั้นมีความหมายครอบคลุมเรื่องเกี่ยวกับการค้าอย่างน้อย 3 เรื่อง คือ

1.  ตัวองค์กรการค้า, อุตสาหกรรม หรือบริษัท หรือที่เรียกกันว่า "องค์กรธุรกิจ"
2.  กิจกรรมที่เกี่ยวกับการค้า, อาชีพ และอุตสาหกรรม เช่นในคำพูด "ธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ตามสภาพตลาด"
3.  ส่วนของกิจกรรมทางเศรษฐศาสตร์ เช่น "ธุรกิจเพลง" หรือ "ธุรกิจคอมพิวเตอร์" (ดู อุตสาหกรรม)

บทความนี้จะเน้นไปที่ความหมายอันแรก แต่ก็จะมีลิงก์ไปยังหัวข้ออื่น ๆ ที่เกี่ยวกับธุรกิจและการบริหารจัดการตามความหมายที่สองด้วยเช่นกัน
องค์กรธุรกิจต่างก็ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อประกอบกิจกรรมทางเศรษฐศาสตร์ ซึ่งจะมุ่งเน้นในการแสวงหาผลกำไร แม้จะมีข้อยกเว้นบ้างในบางกรณี (เช่นสหกรณ์องค์กรที่ไม่แสวงหากำไร, หน่วยงานรัฐบาล) โดยรวมแล้วก็จะกล่าวได้ว่า เจ้าของและผู้ประกอบการธุรกิจมีจุดมุ่งหมายหลักอยู่ที่รายรับ หรือการก่อให้เกิดผลตอบแทนทางการเงิน แลกเปลี่ยนกับการลงทุนด้านเวลาความอุตสาหะ และเงินทุน

ก็อย่าง ที่เร กล่าว ไป การที่ใครคิด ที่จะก้าวเข้า มาทำ ธุรกิจ นั่นก็หมายความว่า คุณต้องการแสวงหาผลกำไร กำไร ไม่ว่าจะเป็น ที่มาจาก การขาย เล็กๆ น้อยๆ นั่นก็เรียกว่าธุรกิจ เหมือนกัน แต่การที่ใครจะเข้ามาขาย หรือ ทำธุรกิจ นั่นมันมีจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน เพราะ บางคน เข้ามาเพื่อ ต้องการ ร่ำรวย บางคนเข้ามาเพื่อ ศึกษา วิธีการทำ แต่ ในที่นี้ ผมอยากจะบอกว่า ธุรกิจ ทำไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย เช่นเดี๋ยวกัน เพราะฉนั้น ผม นายจเร มั่นกสิวิทย์ หรือเรียกผมสั้นๆ ว่าเร ผมจะ ทำหน้าที่ ช่าวยเหลือท่าน ช่วยให้ท่านได้เข้าใจว่า ธุรกิจ ควรทำอย่างไร ธุรกิจ ที่แตกต่าง มันดีอย่างไร การทำสื่อโฆษณา ที่แตกแต่าง มันดีเช่นไร การตลาดแนวใหม่ ทำอย่างไร และ อื่นอีกมากมาย ที่ผม เร จะสอนท่านให้ได้เข้าใจ ในการทำธุรกิจของท่านให้สำเร็จ เอาง่ายๆ ครับ จงโมงดลก ให้แตกต่าง เหมือนผม แล้ว คุณจะรู้ว่า เงิน หล่นอยู่ บนถนน ที่คุณเดิน ไปใน ทุกๆ ที่ ผม มั่นใจ ครับ  ก้าว เดิน ตามผมมา แล้วคุณจะรู้ว่า เมฆ สี ดำ ของผม นั่นทำอย่างไร

นำเครื่องคอมพิวเตอร์ไปประยุกต์ใช้ในงานธุรกิจด้านต่าง ๆ เช่น ระบบสินค้าคงคลัง ระบบการเงิน ระบบบัญชี ระบบการบริหารงาน ระบบการจัดการงานบุคลากร การผลิต 

จุดประสงค์ของธุรกิจ
1.             เพื่อให้เข้าใจถึงความสำคัญของการนำเครื่องคอมพิวเตอร์ไปใช้ในงานธุรกิจด้านต่าง ๆ
2.             เพื่อให้สามารถวิเคราะห์การทำงานด้านธุรกิจ และวิเคราะห์ปัญหาได้อย่างถูกต้อง
3.             เพื่อให้ทราบถึงเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีอยู่ในปัจจุบัน และสามารถนำมาประยุกต์ใช้เผยแพร่สารสนเทศได้อย่างถูกต้อง และเหมาะสม
4.             เพื่อศึกษา และติดตามความเจริญก้าวหน้าทางด้านธุรกิจได้
5.             เพื่อให้ทราบถึงการทำงาน และความสัมพันธ์ของการดำเนินธุรกิจร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ และต้นทุนที่ต่ำลง

จุดมุ่งหมายในการประกอบธุรกิจ (Objective of business)
1.             เพื่อให้บริการแก่ผู้บริโภค และผู้อุปโภค
2.             นำผลกำไรมาสู่ผู้ลงทุน
3.             รักษาสัมพันธภาพระหว่างกิจการกับ พนักงาน ผู้บริโภค และสภาพแวดล้อมภายนอก
4.             เพื่อความอยู่รอด และเจริญเติบโตของธุรกิจนั้น ๆ
5.             ให้บริการแก่ท้องถิ่น และเสริมสร้างความเจริญแก่สังคม


ทรัพยากรที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจ (Resources)
1.             คน รวมถึงผู้บริหาร และพนักงานทั้งหมด (Human resources)
2.             วัตถุดิบ (Material resources)
3.             ข่าวสารข้อมูล (Information resources)
4.             เงินลงทุน (Financial resources)
5.             เครื่องมือ (Tool resources)

ประเภทของการก่อตั้งองค์การ (Type of organization)
1.             การประกอบการโดยเจ้าของคนเดียว (Owner's management)
2.             ห้างหุ้นส่วน (Partnership) : 2 คนขึ้นไป หนี้สินไม่จำกัด
3.             บริษัทจำกัด (Company limited) : ผู้ถือหุ้น 7 คนขึ้นไป รับผิดชอบหนี้เฉพาะมูลค่าหุ้น
4.             รัฐวิสาหกิจ (State enterprise)
5.             บริษัทข้ามชาติ (Multinational corporations)
6.             สหกรณ์ (Co-operative)

ประเภทของธุรกิจ (Type of business)
1.             ธุรกิจการผลิต (Manufacturing)
2.             ธุรกิจเหมืองแร่ (Mining)
3.             ธุรกิจค้าส่ง (Wholesaling)
4.             ธุรกิจค้าปลีก (Retailing)
5.             ธุรกิจบริการ (Service)

ระบบย่อยของธุรกิจ (Sub-agent of business)
1.             ระบบย่อยทางการจัดการ (Management)
2.             ระบบย่อยทางการบันทึกข้อมูล (Data recording)
3.             ระบบย่อยทางการตลาด (Marketing)
4.             ระบบย่อยทางการผลิต (Production)
5.             ระบบย่อยทางการเงิน (Financial)